This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เล่นไม่ตรงจุดแล้วมันจะจบได้อย่างไร"เงินทอนวัด"

เล่นไม่ตรงจุดแล้วมันจะจบได้อย่างไร"เงินทอนวัด"
 จากคดีเงินทอนวัดกลายมาเป็นการตรวจสอบบัญชีเงินวัดไปเสียแล้ว เรื่องของเรื่องเท่าที่ศึกษามามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เหมือนกับคดีฆ่าอำพรางคดี หรือคดีอื่นๆที่ดูท่าว่าจะซับซ้อนมากกว่าคดีนี้เอาเสียอีกนะครับ ถ้าแก้ปัญหาตรงจุด คือรู้ว่าเหตุเกิดขึ้นที่ไหน ใครเป็นคนเริ่ม ผู้เสียหายเป็นใคร ประเด็นของคดีมันเกิดจากใคร เมื่อรู้ในจุดที่เป็นปัญหาแล้วดำเนินการตรวจสอบที่ต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้ทราบทันทีว่านั้นเหตุขึ้นเกิดจากอะไร ใครที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดและเป็นจำเลยของคดี
   จากคดีเรื่องเงินทอนวัดที่เป็นปัญหาดราม่ากันอยู่ทุกวันนี้ ถ้าจะให้เดา คนที่ต้นเรื่องสำคัญของคดีนี้คงจะหนีไม่พ้นเจ้าหน้าที่พศ.เป็นแน่ เพราะคนที่มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนวัดคือเจ้าหน้าที่พศ. ซึ่งถ้ามีการดำเนินตามขั้นตอนหรือข้อตกลงในการเบิกจ่ายเงินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนานั้นมันก็ไม่มีปัญหาอะไร ในเมื่อวัดขอมาเจ้าหน้าที่พศ.ก็ดำเนินการให้และเงินที่ได้มาก็ตกไปเป็นเงินของวัดอย่างสิ้นเชิง
  แต่ที่เป็นเหตุที่ทำให้มันเป็นคดีเป็นเรื่องเป็นราวมานี่ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดเพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะความโลภและกิเลสตัณหาของคนไม่กี่คน ที่มีอำนาจในการตัดสินใจในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของวัดไปให้กับวัดต่างๆที่ได้ขอเงินงบประมาณในส่วนนี้มา ที่จริงเงินที่เงินที่ได้รับการอนุมัติจะไปสิ้นสุดที่วัด ที่ของบมา แต่กับถูกเรียกคืน ซึ่งเงินที่เรียกกลับคืนไปนั้นเป็นจำนวนเงินที่มาก หรือมากกว่าเงินที่เหลือให้กับวัดเลยก็ว่าได้
  จากที่ได้ทราบมาต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดว่าเกิดจากใครแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำลำดับต่อไปคือการเรียกตัวบุคคลที่เป็นต้นเหตุของเรื่องมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงและติดตามเอาเงินส่วนที่วัดเสียไปนั้นกลับมาคืนวัดเพราะวัดเป็นผู้เสียหายโดยตรง และต้องดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมด 
    ถ้าดำเนินการอย่างนี้เรื่องทั้งหมดก็จะจบลงตามที่ว่าใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด ใครถูกก็ว่ากันไปตามถูก
แต่เรื่องกับไม่เป็นเช่นนั้นและดูเหมือนกับว่ามันตรงกันข้ามกันไปหมด คือ
     แทนที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีเรื่องนี้จะไปดำเนินการกับบุคคลที่ทุจริตซึ่งก็รู้กันอยู่แล้วว่าใคร แต่กับกลายเป็นว่า มาดำเนินการกับวัดแทน โดยการค้นหาว่าวัดไหนบ้างที่มาส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่พศ.บางคนแล้วทำการเรียกวัดดังกล่าวมาเพื่อทำการตรวจสอบเงินในบัญชีวัดและเรียกวัดนั้นมาชี้แจงเงินในบัญชีว่าเงินส่วนนี้มาจากไหน ได้มาได้อย่างไร
     ตลกดีครับ ตกลงว่าใครกันแน่ที่กระทำผิดเจ้าหน้าที่พศ.หรือวัด แต่ตามที่ปรากฏออกข่าวออกมาดูเหมือนกับว่า จะมีความพยายามกันอย่างยิ่งที่จะให้วัดกลายเป็นผู้ต้องหาแทนที่จะเป็นผู้เสียหายเพราะการตรวจสอบวัดมันก็ไม่ต่างอะไรกับการสอบสวนจำเลยว่าได้ทำอะไรความผิดมาและเงินที่ได้มานั้นได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าวัดชี้แจงเรื่องเงินในบัญชีไม่ได้อะไรจะเกิดขึ้นกับวัดนั้นบ้างก็น่าที่จะพอเดากันได้นะครับ
    จริงๆแล้วขึ้นชื่อว่าวัดเงินที่ได้มาส่วนใหญ่ก็ได้มาจากพลังศรัทธาของญาติโยมที่่เขามีจิตศรัทธานำมาถวายเพื่อให้ทางวัดเอาเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมสงฆ์และพระพุทธศาสนา บัญชีส่วนใหญ่ที่ทำก็คงหนีไม่พ้นการทำรายรับ - รายจ่าย ธรรมดาๆนี่แหละว่าตอนนี้มีเงินในบัญชีเท่าไหร่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ อื่นๆไปเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ เท่านั้นไม่มีใครไปแจงหรอกว่าเงินได้มาจากไหนบ้างจำนวนเท่าไหร่ มีใครทำบุญมาบ้าง เงินที่หยอดตู้ใครหยอดเท่าไหร่  เพราะปกติวัดถือว่าเป็นสิทธิพิเศษที่ได้รับการยกเว้นในหลายๆเรื่อง กา่รที่ผอ.พศ.จะมาทำการตรวจสอบบัญชีวัดในครั้งนี้ มันสมควรแล้วหรือ?วัดไม่ใช่บริษัทหรือห้างร้าน เงินที่ได้มาก็ได้มาจากจิตศรัทธาของประชาชนทั้งนั้น บางคนเขาก็หยอดตู้ทำบุญบางคนเขาก็ถวายแล้วแต่แรงศรัทธาที่ประชาชนมีต่อวัดนั้นๆ
ก็ไม่รู้ว่าท่านมีอำนาจก็ทำได้หรือไม่?ก็ไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า? ผอ.พศ.มีอำนาจตรวจสอบเงินในบัญชีของของวัดได้จริงหรือ? ตกลงหน้าที่ของพศ.คืออะไรกันแน่
    ถ้ามีการตรวจสอบบัญชีเงินของวัดจริงๆอย่างนี้วัดก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่? ทั้งๆที่วัดเองเป็นผู้เสียหายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนแท้ๆ

วัดเป็นผู้เสียหายแต่ผอ.พศ.กับเร่งรัดให้ตรวจสอบบัญชีวัด แต่ไม่เคยเห็นผอ.พศ.บอกว่าจะตรวจสอบบัญชีเจ้าหน้าที่พศ.ที่ได้กระทำความผิดเลยเพราะอะไร เหตุที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่พศ.ไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมต้องมาตรวจสอบบัญชีวัดละ ทำไมไม่ไปตรวจสอบเงินในบัญชีของเจ้าหน้าที่พศ.หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในการทุจริตเงินทอนวัดในครั้งละครับ หรือกลัวว่าถ้าตรวจสอบแล้วจะรู้ความจริงว่าความผิดไม่ได้เกิดที่วัดแต่เกิดจากบุคคลบางคนที่ทำงานอยู่ในพศ.นั่นเอง

    จากที่มีการให้ข่าวรู้สึกว่าคนที่ให้ข่าวจะพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากเจ้าหน้าที่พศ.คนที่ทำการทุจริตเงินวัดกับกลายมาเป็นวัดเองที่เป็นผู้ทุจริตเงินทอนวัดหรือไม่ ท่านต้องการให้คนมองวัดเป็นผู้กระทำควาามผิดเสียเองแทนที่จะเป็นเจ้าหน้าที่พศ.จริงหรือไม่?

       นอกจากเรื่องเงินทอนวัดแล้วยังมีเรื่องเงินโรงเรียนอีกด้วยที่เป็นข่าวกันอยู่ทุกวันนี้ พูดไปพูดมาก็น่าเศร้านะครับประเทศเมืองพุทธแท้ๆแต่ข่าวที่ออกมาล้วนส่งผลเสียให้กับวัดกับพระพุทธศาสนาทั้งนั้น ผมเชื่อว่า ประเทศของเราพระพุทธศาสนาคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดใครทำดีก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมดีตอบแทน ส่วนใครกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลจากที่ทำนั้นตอบแทนเช่นเดียวกัน
      ในทางโลกแม้ว่ากฎหมายบ้านเมืองจะทำอะไรคุณไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่ากฎแห่งกรรมไม่ปล่อยคุณไว้แน่นอน ใครทำอะไรกับพระผู้มีศีลบริสุทธิ์ บุคคลนั้นย่อมได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างสาสมแน่นอน

https://mamoketio.blogspot.com/2017/07/blog-post_5.html

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คมชัดลึก , Mnews ,PPTV36