การทุจริตคอร์รัปชัน เกิดขึ้นทุกรูป ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของภาครัฐหรือเอกชนก็ตาม
หลายคนคงสงสัยว่าอะไรที่เป็นตัวผลักดันทำให้เกิดการคอร์รัปชันขึ้น
การคอร์รัปชันเกิดขึ้นได้อย่างไร,สาเหตุสำคัญของการคอร์รัปชันคืออะไร ใครคือบุคคลที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชันขึ้น
แต่ก่อนที่จะไปค้นหาคำตอบเหล่านี้ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เราไปดูความหมายของคำว่า “คอร์รัปชัน” กันก่อนดีกว่านะครับ
คอรัปชั่น คือการทุจริตโดยใช้หรืออาศัยตำแหน่งอำนาจหน้าที่และอิทธิพลที่ตนมีอยู่
เพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น การเห็นแก่ญาติพี่น้อง กินสินบน
ฉ้อราษฎร์บังหลวง
การใช้ระบบอุปถัมภ์และความไม่เป็นธรรมอื่นๆที่ข้าราชการหรือบุคคลใดใช้เป็นเครื่องมือในการลิดรอนความเป็นธรรม
การคอรัปชัน ตามประมวลกฏหมายอาญา
คือการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เช่น
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดที่เกี่ยวกับความยุติธรรมตลอดจนความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ความยุติธรรม
ซึ่งกล่าวง่ายๆ คือ
การกระทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรชอบได้ด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
เช่น
1.
การเบียดบังทรัพย์ของทางราชการเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต
2.
การใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ
3.
การบอกว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงาน
เมื่อทำการเอื้อประโยชน์แก่ตน
จากข้อมูลและสถิติที่ได้พบ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศระดับต้นๆของโลกที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุดเลยก็ว่าได้
ปัญหาการคอร์รัปชันเกิดขึ้นจากบุคคล
หรือกลุ่มบุคคลที่ มีความโลภ อยากได้ไม่แบบไม่รู้จักพอ ขาดความซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่การงานของ
ตนและหมู่คณะ
บุคคลเช่นนี้เป็นบุคคลที่คบไม่ได้ ไปที่ไหนก็จะก่อปัญหาและความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
สังคมและประเทศชาติ
สาเหตุสำคัญที่เป็นตัวผลักดันทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น
1.ขาดความธรรม
ขาดความซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่การงานของตน
2.ขาดอุดมการณ์หรืออุดมคติ คือไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการดำเนินชีวิต
3.ได้รับการถ่ายทอดค่านิยมแบบผิดในสังคม
คือยกย่องคนมีเงินมากกว่าคนดี
4.ลุ่มหลงในอำนาจ ทำให้ใช้อำนาจไปในทางที่ผิด
5.มีรายได้ไม่เพียวพอกับรายจ่ายจึงด้นรนที่จะหาทรัพย์นั้นมาแม้ว่าจะได้มาโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม
ในทางพระพุทธศาสนาถือว่าบุคคลเหล่านี้ ขาดหลักธรรมในการดำเนินชีวิตที่เรียกว่า“หลักฆราวาสธรรม 4” คือ หลักธรรมสำหรับผู้ครองเรือน มีอยู่ 4 ประการคือ
ในทางพระพุทธศาสนาถือว่าบุคคลเหล่านี้ ขาดหลักธรรมในการดำเนินชีวิตที่เรียกว่า“หลักฆราวาสธรรม 4” คือ หลักธรรมสำหรับผู้ครองเรือน มีอยู่ 4 ประการคือ
1.สัจจะ คือ ซื่อสัตย์สุจริต,ซื่อตรงและจริงใจต่อหน้าที่การงานของตน
2.ทมะ คือ การฝึกฝนอบรมตนเอง และข่มใจตนเองไม่ให้ไปยึดติดกับอบายมุข
คือความโลภอยากได้ในสิ่งที่ได้ใช่ของของตน, ความโกรธ, ความหลง เป็นต้น
3.ขันติ
คือความอดทน ในที่นี้หมายถึง อดทนต่อกิเลส ต่อสิ่งยั่วยุ ต่อราคะที่จะเข้ามาครองงำจิตใจของตนไม่ให้หลงไปกระทำความผิดนั้นๆ
4.จาคะ คือการสละ ในที่นี้รวมถึงการสละกิเลส,สละอารมณ์ออกไปจากใจของตน ไม่ยึดมั่นถือมั่นต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามายั่วยุจิตใจของเรา
นอกจากหลักธรรมเรื่องของฆราวาสธรรมแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะต้องมีนั่นก็คือหิริ-โอตัปปะ
หิริ คือความละลายต่อบาป
ละอายต่อการทำความชั่ว
โอตัปปะ
คือความเกรงกลัวต่อบาปหรือการทำความชั่ว
หลักธรรมข้อนี้เป็นหลักธรรมที่เตือนสติให้เรายั่งคิด
ไตร่ตรองก่อนที่จะกระทำการใดๆ และผลของการกระทำนั้นๆว่าเป็นผลดีหรือไม่ดีต่อตนเองและคนอื่น
เพื่อให้เกิดความละอายใจต่อการทำความชั่ว ต่อการประพฤติทุจริตทั้งหลาย และเกรงกลัวต่อความชั่วต่อผลของความทุจริตที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง
แต่คนในสังคมทุกวันนี้เริ่มที่จะห่างหายจากพระพุทธศาสนาและไม่ให้ความสำคัญต่อคำสอนของพระพุทธศาสนา
ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ขาดหิริโอตัปปะ ทำให้ไม่มีความเกรงกลัวต่อการกระทำและผลของการกระทำของตน
ขาดการยับยั้งชั่งใจในการกระทำความชั่ว ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันไปในวงกว้าง เพราะคิดว่าการทุจริตคอร์รัปชันนั้นเป็นเรื่องปกติที่ใครๆเขาก็ทำกัน
สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นค่านิยมที่ผิด
ที่เราทุกคนต้องหันมาให้ความสำคัญ เพราะถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ถ้าบ้านเมืองใดขาดคุณธรรม
คนในประเทศขาดหลักฆราวาสธรรมและขาดหิริโอตัปปะแล้ว สังคมนั้น ประเทศชาติบ้านเมืองนั้นย่อมเป็นการยาก
ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้
สังคมวุ่นวายเพราะคนในสังคมขาดที่พึ่งขาดหลักธรรมที่จะมายึดเหนี่ยวจิตใจ
ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ยากที่จะหาทางแก้ไขได้ ขาดการยับยั้งชั่งใจในการกระทำความชั่ว
คิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ผิด เกิดการปลุกฝังนิสัยความเห็นแก่ตัว โลภอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุด
จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชัน บ้านเมืองเกิดความระส่ำระสาย เกิดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันยากที่จะหาความสงบสุขได้
อย่ามัวแต่หาคนผิดมาลงโทษเพราะสิ่งนั้นมันไม่ใช่ทางออกที่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร
เพื่อที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้ตรงจุด ไม่ใช่มัวแต่มาโทษคนนั้นคนนี้ โทษกันไปโทษกันมาแล้วเมื่อไหร่ละประเทศชาติจะสงบสุขเสียที
หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะรู้ แต่ถ้าไม่รู้จักนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มันก็ยากที่จะทำให้คนในสังคมสื่อสารกันให้เข้าใจได้
คนไทยถือว่าโชคดีที่มีพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ดังนั้นอย่าปล่อยให้พระพุทธศาสนาเป็นเพียงศาสนาที่เรานับถือตามๆกันมา
เพราะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักธรรมที่จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้
โดยไม่ต้องอาศัย ตำแหน่งหรืออำนาจหน้าที่ใด แค่รู้จักคำว่า “พอ”และนำเอาหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แค่นี้ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ ประเทศชาติก็จะร่มเย็นเพราะอาศัยหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
การปลุกฝังเด็กๆให้มีความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยทำให้ประเทศชาติของเราลดปัญหาการคอร์รัปชันได้มาก เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ถ้าเขาได้ถูกปลุกฝังในสิ่งที่ดีๆ เชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าเด็กเหล่านี้จะกลายกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองปราศจากการคอร์รัปชันได้ในที่สุด
https://mamoketio.blogspot.com/2017/08/1.html
การปลุกฝังเด็กๆให้มีความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยทำให้ประเทศชาติของเราลดปัญหาการคอร์รัปชันได้มาก เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ถ้าเขาได้ถูกปลุกฝังในสิ่งที่ดีๆ เชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าเด็กเหล่านี้จะกลายกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองปราศจากการคอร์รัปชันได้ในที่สุด
หลักนี้ดีที่สุด
ตอบลบฝึกฝนตนเองด้วยทานศีล สมาธิ
ตอบลบขอบคุณสำหรับบทความดีๆแบบนี้ครับ
ตอบลบทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หนีกฏแห่งกรรมไม่พ้นแน่นอนครับ
ตอบลบเรียน Web Master และผู้เขียน Blog ทราบ
ตอบลบเนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้เขียน Blog ได้โดยตรง แต่เห็นว่าเป็นบทความที่มีประโยชน์ วารสารสำนักงาน ป.ป.ช. สุจริต จึงขออนุญาตนำบทความเรื่อง เสียงสะท้อนจากกระจกเงาของพระพุทธศาสนา จากเว็บไซต์ https://mamoketio.blogspot.com/2017/08/1.html มาเผยแพร่ลงในวารสารสำนักงาน ป.ป.ช. สุจริต ฉบับประจำเดือนมกราคม-มีนาคม 2561 เพราะเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในวงกว้างทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี
จึงเรียนมาเพื่อขออนุญาต
ขอแสดงความนับถือ
กองบรรณาธิการ
วารสารสำนักงาน ป.ป.ช. สุจริต