This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

คนเราไม่ผิดที่จะคิด...แต่เมื่อรู้ว่าคิดผิดและยอมที่จะแก้ไข ถือว่าคน คนนั้นเป็นผู้ที่ควรแก่การยกย่องอย่างยิ่ง...

คนเราไม่ผิดที่จะคิด...แต่เมื่อรู้ว่าคิดผิดและยอมที่จะแก้ไข ถือว่าคน คนนั้นเป็นผู้ที่ควรแก่การยกย่องอย่างยิ่ง...

เพราะความไม่รู้หรืออคติ จึงทำให้คนเราเห็นกงจักรเป็นดอกบัว แต่ถ้าลองเปิดใจให้กว้างสักนิด สิ่งที่ท่านคิดอาจจะไม่ใช่ความจริงก็เป็นได้
เจ้าของเฟสบุ๊คท่านหนึ่งได้ออกมาถ่ายทอดเรื่องราวของเขาโดยการโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คของตัวเอง ถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับความไม่เข้าใจหรือความมีอคติที่เกิดขึ้นภายในใจ ทำให้เขามองสิ่งเหล่านั้นไปในทางที่ไม่ดี แต่พอเจ้าของเฟสบุ๊คท่านนี้ได้เปิดใจที่จะยอมรับฟัง และยอมที่จะ ก้าวเข้าไปพิสูจน์ในสิ่งที่สงสัยนั้น และเมื่อเข้าใจแล้ว เขาก็พร้อมที่จะเปิดใจยอมรับ และได้ลบอคติหรือความเข้าใจผิดนั้นออกไป และพยายามที่แก้ไขข้อผิดพลาดนั้นๆ
คนเราไม่ผิดที่จะคิด แต่เมื่อรู้ว่าคิดผิดและยอมที่จะแก้ไข ถือว่าคน คนนั้นเป็นบุคคลที่ควรแก่การยกย่องเป็นอย่างยิ่ง เจ้าของเฟสบุ๊คได้โพสต์ข้อความซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
เจ้าของเฟสบุ๊คได้เล่าเรื่องราวจุดเปลี่ยนจากที่เคยไม่เข้าใจวัดดังแห่งหนึ่งแถวปทุมธานีเพราะได้รับข้อมูลมาแบบผิดๆจากสื่อ ทำให้มองวัดนั้นไปในทางที่ไม่ดี และเคยวิจารณ์วัดนั้นด้วยข้อมูลที่ได้รับมาแบบผิดๆ จากสื่อด้วย ซึ่งเนื้อมีดังนี้
"ไถ่โทษที่เคยมองวัดพระธรรมกายผิด หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องออกโรงช่วยวัดพระธรรมกาย เป็นการไถ่ความผิดที่เคยมองวัดนี้ผิดทั้งที่ไม่เคยเข้าไปศึกษา
"กราบขออโหสิกรรมด้วยกายวาจาใจที่เคยล่วงเกิน เคยว่าเขาเคยวิจารณ์ด้วยข้อมูลที่รับมาผิดๆจากสื่อได้รับนิมนต์ไปรับมหาสังฆทานที่วัดพระธรรมกาย3ครั้ง แต่ไม่เคยไปแม้แต่ครั้งเดียว..(เพราะอคติกับวัดเขา)"
@photoofdays.blogspot.com @nop072.blogspot.com
และเจ้าของเฟสบุ๊คยังได้เล่าถึงเรื่องราว จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันกลับมามองวัดนี้ใหม่เพราะอะไร มาติดตามกันต่อได้เลยครับ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้เจ้าของเฟสบุ๊คคือ
"จุดเปลี่ยน คือการไปดูงานที่วัดบ้านขุน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสาขาของวัดพระธรรมกายที่มีพระเณรชาวเขามาบวชเรียน300กว่ารูป ไปเห็นปฏิปทาจริยวัตร์ที่งดงามของพระเณรวัดนี้ ได้มีโอกาสนั่งฉันภัตตาหารเพลท่ามกลางพระเณรชาวเขาวัดนี้ นั่งฉันภัตตาหารไปขนลุกไป มองไปมีแต่ภาพที่งดงามมาก
  • นั่งเงียบกริบ เสียงพูด เสียงฉันอาหารไม่มีให้ได้ยิน เสียงช้อนกระทบจานไม่มีให้ได้ยิน
  • ฉันเสร็จลุกขึ้นภาชนะใส่อาหารหายไปพร้อมกับสามเณร อย่าว่าแต่ขยะเลย ข้าวหกสั่กเม็ดก็ไม่มี เหมือนสถานที่นี้ทำสะอาดเอาไว้ตลอด
  • ห้องน้ำสะอาดเหมือนกับไม่เคยมีคนใช้
  • ถอดรองเท้าวางเป็นระเบียบ
  • กุฏิทีอยู่พระเณรท่านสร้างกันเองยังกับสถาปนิกจบปริญญามา
  • เรื่องวัตรปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา  ไม่ต้องพูดถึงตื่นตี่4สวดมนต์ทำวัตรเช้าทุกวัน  ตอนเย็นมีชาวบ้านที่เป็นชาวเขาที่อยู่รอบวัด มาทำวัตรสวดมนต์นั่งสมาธิกับพระเณรทุกวัน
  • สถานที่วัดทุกตารางเมตรเป็นระเบียบสะอาดงามตามากๆ จัดเป็นสัดส่วนที่หลับนอนจำวัดพระเณรเป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน และ
  • พระเณรที่นี้เวลาพูดจาปราศรัยมารยาทงดงามสุภาพอ่อนโยน คราบของคนป่าคนดอยที่ห่างไกลความเจริญไม่มีปรากฎให้เห็น ที่เห็นก็แค่สำเนียงพูดที่พูดภาษาไทยออกสำเนียงชาวเขา แต่กริยามารยาทเหมือนคนที่อยู่ในอารยธรรมที่เจริญ @kalyanamitra.org @photoofdays.blogspot.com
ถ้าไม่เชื่อไปดูได้ออกจากเชียงใหม่ไม่ไกลมาก ถนนเส้นทางไปวัดทิวทัศน์ป่าเขาสวยงาม เมื่อเข้าไปในวัดเหมือนอยู่คนละโลก
กับสภาพสังคมของชาวป่าชาวเขา นึกว่าเป็นวัดที่อยู่ในถิ่นที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ..ข้าราชการผู้ใหญ่พ่อค้าวานิชที่ได้เข้าไปวัดนี้
กลับไปต้องกลับมาทำบุญใหม่มีศรัทธากันทุกคน วัดสาขาของวัดพระธรรมกายทั้งในและต่างประเทศเขาสอนเหมือนกันหมด
จึงหายสงสัยว่าทำไมผู้คนทั้งในและต่างชาติจึงศรัทธาวัดนี้มากมาย จะบอกว่าวัดพระธรรมกายสอนผิดบิดเบือนหลักคำสอนพระพุทธศาสนาได้อย่างไร
@kalyanamitra.org
ในเมื่อพระเณรวัดพระธรรมกายก็เรียนนักธรรมบาลีเหมือนพระเณรทั่วประเทศ แถมยังเป็นวัดที่จบเปรียญธรรม ๙ เยอะที่สุดในประเทศไทย
แต่..สลดใจมากตอนนี้วัดนี้เป็นเหยือทางการเมือง เพราะข้อมูลที่บิดเบื่อนผสมกับการอิจฉาริษยา แบบมีอคติของกลุ่มคนหลายฝ่าย และพวกที่จ่องแสวงหาผลประโยชน์จากวัดพระธรรมกาย หากเราต้องสูญเสียวัดนี้ไป ประเทศไทยคงหมดโอกาสเป็นศูนย์กลางพุทธโลก  ( Fb ดร.แม็ก ภัคสิษฐ์  กล่าว )
จากที่ได้ไปศึกษามาก็ทำให้ทราบว่า วัดดังกล่าวมีระบบการฝึกคนที่ดีมาก  หลายคนอาจจะคงสงสัยว่าวัดนี้เขาฝึกคนกันอย่างไร ทำไมคนวัดนี้ถึงได้รักวัดกันได้ถึงเพียงนี้  ขนาดวัดใหญ่ขนาดนี้ วัดยังสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อยได้ 
@pantip.com/topic/36347565

@7meditation.blogspot.com @twitter.com/jaiyut24nor @twitter.com/ninjaandtussaka
และได้ทราบข่าวมาว่าวัดนี้นอกจากจะใหญ่โตและสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ที่วัดแหล่งนี้เขาก็มีการจัดงานบุญกันทุกอาทิตย์ เรียกได้ว่าพระเณรมีงานกันให้ทำกันไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าจะมีงานมากมายขนาดไหนกิจวัตรประจำวันของพระเณรในวัดนี้ก็ไม่เคยขาด พระเณรต้องตื่นจากจำวัตรตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาสวดมนต์ทำวัตรเช้า และทำความสะอาดวัด ก่อนที่จะไปฉันภัตตาหารเช้า  นอกจากกิจวัตรประจำวันจะไม่ขาดแล้วยังได้ยินข่าวอีกว่า เรื่องการเรียนที่วัดนี้เขาก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ที่วัดนี้มีพระเณรสอบผ่านนักธรรมบาลีได้เปรียญธรรมกันเป็นจำนวนมาก ( นอกจากนี้สำหรับสาธุชนยังมีผู้ที่สอบได้บาลีศึกษาระดับ 9 กันมาแล้วถึง 7 คนด้วยกัน ) และโดยเฉพาะเปรียญธรรมประโยค 9  วัดนี้ถือว่ามีพระสอบผ่านเปรียญธรรมประโยค 9 มากที่สุดในประเทศ ก็ว่าได้  ล่าสุดการประกาศผลสอบนักธรรมบาลีในปีนี้ผลปรากฎว่าพระของวัดแห่งนี้ก็สอบได้เปรียญธรรมประโยค 9 ถึง 6 รูป  ถือได้ว่าเก่งทั้งปริญัติ และปฏิบัติ  กันเลยทีเดียว
[caption id="attachment_4364" align="alignnone" width="629"] @dailynews.co.th
ดังนั้นเวลาได้ยินอะไรมา เราอย่าพึ่งเชื่อถ้าเรายังไม่ได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมานั้นเป็นเรื่องจริงตามที่เขาได้กล่าวหาหรือไม่ และอย่าปล่อยให้อคติหรือความไม่รู้มาเป็นตัวปิดกั้นความคิดหรือการตัดสินใจของเรา ที่จะทำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้องและยอม!! ที่จะเปิดใจรับฟังและแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดนั้นให้กลับมาในทิศทางที่ดี
อย่าทำเพียงเพราะความไม่เข้าใจ หรือมีอคติอยู่ในใจ แต่จงพยายามหาคำตอบในสิ่งที่ไม่เข้าใจให้เกิดความเข้าใจ ลดอคติที่อยู่ในใจออกไป เมื่อนั้นสิ่งที่ควรทำจะเกิดขึ้นมาเอง
ผลดีของการขอขมาโทษ
 การขอขมาโทษ คือ การขอให้ผู้อื่นยกโทษให้กับตนในสิ่งที่ตนได้กระทำผิดพลาดทำล่วงเกินไม่ว่าจะด้วยประการใดๆต่อบุคคลเหล่านั้น ไม่ได้ว่าจะ ได้กระทำลงไปโดยทางกาย วาจา หรือใจ ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ตาม เมื่อรู้สึกตัวแล้วก็ควรที่จะขอขมาโทษ เพื่อให้ผู้ที่ตนล่วงเกินนั้นได้ยกโทษหรืออโหสิกรรมให้ และทำให้วิบากกรรมที่ตนได้เคยล่วงเกินนั้น กลายเป็น "อโหสิกรรม" และไม่ตามไปส่งผลอีก
ในพระไตรปิฎก  เมื่อมีการล่วงเกินกันและกัน ทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ  การขอขมาโทษก็เพื่อต้องการที่จะให้มีการสำรวมระวังในกาลครั้งต่อๆไป จะได้ไม่ทำผิดพลาดขึ้นอีก 
การขอขมาโทษหรือขออโหสิกรรมจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งเพราะเราไม่รู้หรอกว่าได้เคยทำอะไรไม่ดีกับใครไว้บ้างหรือเคยล่วงเกินใครไว้บ้างแต่ถ้าเรารู้ก็ควรที่จะขอขมาโทษและขออโหสิกรรม เพื่อไม่ให้วิบากกรรมนั้นตามมาส่งผลได้อีก ถือเป็นการตัดวงจรของวิบากกรรมนั้นๆไปได้ สิ่งที่ทำมันไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่น แต่มันเกิดประโยชน์ต่อตัวของเราเองดังนั้นโดยอย่ามองผ่านในเรื่องนี้เพราะกฎแห่งกรรมไม่เคยปราณีใคร
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก :  Fb ดร.แม็ก ภัคสิษฐ์

เรื่องเล่าจากอีสป...ตอน จับผิดคนอื่น!!

เรื่องเล่าจากอีสป...ตอน จับผิดคนอื่น!!

คนส่วนใหญ่มักจะมองแต่เห็นแต่ความผิดของคนอื่น แต่สำหรับความผิดของตนเองนั้นกับมองไม่เห็น ดังนั้นคนโดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะโทษแต่คนอื่นว่าไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ คอยแต่ที่จะจับผิดคนที่ตนมองเห็นอยู่เบื้องหน้าของตน  แต่ไม่เคยหันมาจับผิดหรือมองตัวเอง แต่เราก็มักที่จะให้อภัยตนเองได้ง่าย ถึงแม้ว่าความผิดน้ั้นจะร้ายแรงสักเพียงใดก็ตาม แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเรากับมองแต่คนอื่นว่าวันนี้เขาไปทำความผิดอะไรมา เมื่อรู้ความผิดที่คนนั้นทำมาแล้วก็มักที่จะ ไม่รู้จักที่จะให้อภัยคนตรงกันข้ามกับมองเขาไปในทางที่ไม่ดีอีกด้วย
@canada.com
จากที่นิทานอีสปเรื่องหนึ่งเขียนไว้ว่า
เมื่อครั้งที่โปรเมทีอูสมนุษย์เสกให้มีในโลก
เขาแขวนถุง2 ถุงไว้ที่คอของมนุษย์ ข้างหน้าถุงหนึ่ง ข้างหลังถุงหนึ่ง
ถุงข้างหน้าใส่ความบกพร่องของผู้อื่นไว้เต็มถุง
ส่วนถุงข้างหลังใส่ความบกพร่องของตัวเองไว้เต็มเช่นกัน
เพราะเหตุนี้มนุษย์จึงมองเห็นแต่ความผิดพลาดของผู้อื่นได้ชัดเจน
แต่มองไม่เห็นข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดของตนเองเลย
ดังนั้น มนุษย์จึงมีนิสัยชอบจับผิดข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของผู้อื่น แต่กับมองไม่เห็นข้อผิดพลาดหรือข้องบกพร่องของตนเอง เรื่องนี้เป็นนิทานที่เอามาเปรียบเปรยกับมนุษย์ที่มองข้ามความดีของคนอื่น พยายามมองหาแต่จุดบกพร่องของคนอื่นเหมือนจะเป็นจุดเล็กๆก็เอามาเป็นความผิดได้ ตรงกันข้าม ตนเองกับมองข้ามข้อผิดพลาดของตนเองนั้นไป แม้จะรู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรผิดพลาดลงไปยังไงก็ยังให้อภัยตนเองได้เสมอ
@medium.com
อย่ามองแต่ข้อบกพร่องของคนอื่นมากเกินไป จนลืมไปว่าตนเองก็ยังมีข้อบกพร่องนั้นอยู่ เพราะใส่ใจกับคนอื่นมากเกินไป จนลืมที่จะใส่ใจตนเอง คนเหล่านี้จะไม่สามารถที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเองให้ดีขึ้นไปได้ เพราะมองไม่เห็นข้อผิดพลาดของตนเอง เมื่อมองไม่เห็นข้องผิดพลาดของตัวเองแล้วการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงและยอมรับฟังความคิดเห็นหรือคำแนะนำตักเตือนของผู้อื่นนั้นก็ย่อมเป็นไปได้ยากไป
ขอบคุณที่มาของ : หนังสือ "อ่านจิตวิทยา อ่านคน อ่านเรื่องเล่าจากอีสป"