วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ปัญหาทุจริต"เงินทอนวัด"

            ปัญหาทุจริต"เงินทอนวัด"

    ช่วงนี้มีข่าวหนาหูเข้ามาให้ได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆคงจะหนีไม่พ้นเรื่อง ข่าว"เงินทอนวัด" กันหรอกนะครับ คำว่าทุจริตเงินทอนวัดคืออะไรหลายๆคนคงจะยังไม่เข้าใจและยัง งง งง กง ก๊ง กันอยู่ใช่ไหมละครับ

       ถ้าอย่างนั้นเรามาดูความหมายของคำว่าเงินทอนวัดก่อนก็แล้วกัน

"เงินทอน"คือ เงินที่เจ้าของสินค้าได้รับเกินมาจากราคาสินค้าที่ตนขาย ก็จะต้องคืนเงินในส่วนที่เกินนั้นให้กับผู้ซื้อสินค้านั้นไป ส่วน

"เงินทอนวัด" คือ เงินอุดหนุนที่ทางวัดได้รับจากส่วนกลาง เพื่อให้นำไปใช้ในกิจการงานของสงฆ์ เช่น  เงินที่ใช้ในการบูรณะซ่อมแซมวัด เงินที่ใช้เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม   และเงินที่ใช้เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและดำเนินกิจกรรมต่างๆทางศาสนา     และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินในส่วนนี้ไปขอเงินคืน  โดยการตกลงกับวัดก่อนว่าต้องการเท่าไหร่ ก็จะทำเรื่องจากส่วนกลางโอนไปให้ แต่จะทำเรื่องขอในจำนวนที่มากกว่าที่ขอจริง แล้วจึงให้มีคนตามไปรับคืนหรือให้ทางวัดทำการโอนเงินนั้นกลับมาให้ตน เงินส่วนที่คืนนั้นจึงเรียกกันว่า "เงินทอนวัด"เรื่องนี้ต้นเหตุของเรื่องจริงๆมันไม่ใช่วัดนะครับ ขอย้ำว่ามันไม่เกี่ยวกับวัด วัดไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่อง แต่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดทั้งหลายทั้งมวลมันมาจากบุคคลเพียงไม่กี่คนที่มีอำนาจดูแลเกี่ยวกับการเบิก-จ่ายเงินอุดหนุนวัด เกิดกิเลสบังตาทำให้คิดทำในสิ่งที่ไม่ดีขึ้น โดยอาศัยช่องทางจากเงินอุดหนุนของวัด มาทำเป็นช่องทางในการทำมาหากิน เชื่อว่าบางวัดอาจจะไม่รู้เรื่องหรือบางวัดอาจจะรู้เรื่องนี้ดีแต่ก็ต้องจำยอมทำเพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ถ้าวัดไม่ทำตามเงื่อนไขที่เขาเสนอมาเขาอาจจะไม่ทำเรื่องอนุมัติเงินอุดหนุนให้กับวัดก็เป็นได้ โดยการอ้างเหตุผลต่างๆนานา แต่ถ้ายอมทำตามที่เขาเสนอมา อย่างน้อยวัดก็ยังได้เงินไปใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมของวัดได้ 

       ได้ยินมาว่าบางวัดที่มีความจำเป็นจริงๆต้องไปขอเงินอุดหนุนวัดมา แต่ก็ต้องยอมเอาเงินบางส่วนที่วัดมีอยู่เพื่อไปแลกกับเงินจำนวนหนึ่งที่ทางวัดมีความจำเป็นที่จะใช้ เช่น ทางวัดได้บูรณะซ่อมแซมวัดไปเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท ที่จะต้องจ่ายให้กับผู้รับเหมา แต่ทางวัดมีเงินทั้งหมดในวัดเพียง50,000 บาท ยังขาดอีก 50,000 บาท จึงจะครบ ทางวัดจึงได้ไปของบอุดหนุนวัดในส่วนนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่กับบอกให้เอาเงินที่มีอยู่คือ 50,000 บาทไปให้กับเจ้าหน้าที่แล้วเจ้าหน้าที่จะขอเบิกงบในจำนวนที่ทางวัดต้องการคือ 100,000 บาท นั้นให้     กรณีนี้อยากถามว่าวัดได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ไหม ก็ตอบได้เลยว่าวัดไม่ได้รับอะไรที่นอกเหนือไปจากเงินจำนวนที่ทางวัดต้องการเลย  แต่ตรงกันข้ามรัฐกับต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นจากที่จะต้องจ่ายจริงเพียง  50,000 บาท ก็ต้องจ่ายเพิ่มเป็นเงิน 100,000 บาท เป็นเพราะอะไร ก็คงจะเดากันไม่ยากหรอกนะครับว่าเพราะอะไร   ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ให้ทางวัดเอาเงินไปให้กับเจ้าหน้าที่แล้วทำการเบิกงบใหม่ให้ตามยอดเงินที่วัดต้องการ   อยากจะถามว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำกับวัดนั้นทำถูกต้องแล้วหรือ? มันสมควรแล้วหรือ?  เจ้าหน้าที่ทุจริตกันเอง แต่กับเอาวัดเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเบิกจ่ายงบนั้น ทั้งๆที่คนได้ผลประโยชน์โดยตรงไม่ใช่วัด แต่กับเป็นคนที่ทำการดูแลเรื่องการเบิก-จ่ายเงินให้กับวัดนั่นเอง   ดังนั้น คนที่ทุจริตการเบิกจ่ายงบโดยการเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองโดยอาศัยวัดเป็นทางผ่าน พนักงานตำรวจหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแทนที่จะไปตรวจสอบว่ามีใครคนไหนบ้างที่มีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในเรื่องนี้ เพื่อติดตามเอาบุคคลเหล่านั้นมาลงโทษตามกฎหมาย แต่กับกลายเป็นว่าจะเข้ามาทำการตรวจสอบเงินบัญชีของวัด และได้มีการเรียกร้องให้มีการออกฏหมายเพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเงินของแต่ละวัดได้  ฟังดูแล้วมันแปลกๆยังไงชอบกลนะครับ เหตุเกิดที่ไหน แทนที่ท่านจะไปโฟกัสที่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่ท่านกลับมาโฟกัสที่ปลายเหตุว่าวัดมีเงินเท่าไหร่ ได้เงินมาสุจริตหรือไม่?อย่างนี้ผมว่าคงไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆให้มันยุติลงได้หรอกครับ มันกับกลายเป็นว่ามาทำให้คนมองภาพวัดไปในทางที่ไม่ดีเสียอีก แทนที่คนทำความผิดจริงๆจะได้รับการประนามแต่ก็กลายเป็นว่าวัดถูกสังคมประนามว่าเป็นคนผิดไปเสียเอง ทั้งๆที่วัดเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย สังคมทุกวันนี้มันพูดยากนะครับ ชอบทำอะไรให้มันยุ่งยากชอบทำให้ผิดกลายเป็นถูก ทำให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นอาชญากรไปได้ในเวลาเดียวกัน
     สรุปไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ยังไงวัดก็กลายเป็นผู้ต้องหาในสายตาของคนทั่วไป ไปแล้ว เพราะข่าวที่ออกมาล้วนแล้วแต่เป็นการพูดถึงการแก้กฎหมายสงฆ์ การผลักดันที่จะให้มีการออกกฎหมายตรวจสอบบัญชีของวัดบ้าง ควบคุมเงินวัดบ้าง แทนที่จะไปเจาะจงกับคนที่กระทำความผิดที่แท้จริง     ทุกวันนี้ข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับพระเกี่ยวกับวัด ส่วนใหญ่เป็นข่าวเสียมากกว่าข่าวดี ที่ข่าวดีๆเกี่ยวกับวัดเกี่ยวกับพระก็มีออกมากมายให้เห็น ทำไมไม่เอาออกมาลงข่าวบ้างให้คนได้รู้ว่าพระดีๆในประเทศนี้ก็มีอยู่ไม่น้อยเลยที่ท่านทำความดีมาตลอด ผมเชื่อว่าพระเกือบ 95%ที่ท่านมาบวชเพื่ออุทิศตนให้กับงานพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง แทนที่เราจะสนับสนุนออกข่าวชื่นชมท่านให้ท่านได้มีกำลังใจและเป็นต้นแบบที่ดีให้กับสังคมต่อไป แต่กับไม่ออกข่าว กับออกแต่ข่าวที่ทำให้คนมองภาพพระภาพวัดไปในทิศทางที่มันเลวร้ายลง   ตอนนี้หลายๆคนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเหล่านี้คงจะมองออกนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศเมืองพุทธกันแน่ อันที่จริงประเทศไทยก็ไม่ได้มีแต่ศาสนาพุทธนะครับมีหลายศาสนาเหมือนกัน และเงินอุดหนุนทางศาสนาก็ได้รับกันทุกศาสนา แต่ทำไมถึงมีปัญหาแต่ศาสนาพุทธ และมีการเลือกที่จะตรวจสอบแต่บัญชีทางการเงินของวัดก็ไม่ทราบนะครับ ทำไมถึงให้ความสำคัญกับวัดกับพุทธศาสนาได้มากมายขนาดนี้ ต่อไปท่านคิดว่าสงฆ์จะปกครองสงฆ์หรือฆราวาสจะปกครองสงฆ์กันแน่? 

http://mamoketio.blogspot.com/2017/06/httpmamoketio.html        

ขอบคุณภาพจาก: ข่าวคมชัดลึก , เนชั่น , สปิงค์นิวส์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น