วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับการฟอกเงิน




            เกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับการฟอกเงิน


มาเรียนรู้จักกับคำว่าการฟอกเงินกันเถอะ

การฟอก ความหมายโดยทั่วไป คือ การทำให้สะอาด อาจจะใช้บรีสหรือผงซักฟอกที่มีคุณภาพสูงในการซักฟอกให้สะอาด ไม่มีคราบสกปรกหลงเหลืออยู่ให้เห็น

            ส่วนการฟอกเงินก็คล้ายๆกันครับ ต่างกันตรงที่สิ่งที่นำมาฟอกนั้นไม่ใช้เสื้อผ้าแต่เป็นเงินดังนั้นการฟอกเงินจึงจะต้องมีลักษณะที่ซับซ้อนแตกต่างกันออกไปแต่ที่เหมือนกัน ก็ตรงที่ทำเงินที่ได้มาโดยสกปรกมาทำให้มันสะอาดยิ่งขึ้นเท่านั้นเองครับ มาดูความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ฟอกเงิน” กันครับ
                                         

                                                       




            

             การฟอกเงิน  ( Money Laundering ) คือ การเปลี่ยนทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือทรัพย์สินได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ( เงินสกปรก) นำมาเปลี่ยนสภาพเพื่อปิดบังหรืออำพราง ลักษณะที่แท้จริงของแหล่งที่มาของเงินนั้น เช่น การจำหน่าย,การโอน, การทำให้ได้ซึ่งสิทธิใดๆมาโดยถูกต้องตามกฏหมาย เช่น นำเงินที่ได้มาจากการขายยาเสพติด นำไปซื้อที่ดิน ที่ดินที่ได้มาก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ได้มาถูกต้องตามกฏหมายก่อนนำที่ดินมาขาย เงินที่ได้จากการขายที่ดินก็กลายเป็นเงินที่บริสุทธิ์
            *การฟอกเงินนั้นเงินนั้นก็ไม่ได้หนี้หายไปไหน ตัวผู้กระทำความผิดยังคงเป็นจากของเงินนั้น หรือทรัพย์สินนั้นอยู่



    
           วิธีการฟอกเงิน

1. ซุกซ่อนเงินที่ผิดกฎหมายนี้ไว้ก่อน เพื่อรอเวลานำออกมาใช้

เช่นการฝังดิน เก็บไว้ในห้องลับ รอเวลาทะยอยนำออกมาใช้ หรือแปรสภาพตามเงื่อนไขและสถานการณ์ที่ต้องใช้้เงิน วิธีนี้เป็นวิธีหลักๆพื้นฐานเลย เพราะเหล่าอาชญากรมักจะมีเงินมากมายอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องนำเงินที่ได้มาอย่างผิดกฏหมายออไปใช้่โดยทันที

2. นำเงินไปซื้อทองคำ

เป็นก็วิธีที่นิยมอันดับต้นๆ แต่ต้องเป็นการทะยอยซื้อที่ละเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่หากเป็นพวกอาชญากรที่มีเครือข่ายเส้นสาย จะใช้วิธีที่เรียกว่า ไซฟ่อนเงิน โดยใช้ ‘โพยก๊วน’ ผ่านร้านทอง และบริษัททัวร์ (การโอนเงินนอกระบบ ผ่าน “ตัวแทนหักบัญชี” ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางเสมือนเป็นนายธนาคารในการรับโอนหรือส่งมอบเงินให้แก่บุคคลที่ผู้ใช้บริการโพยก๊วนระบุ ซึ่งผู้รับเงินอาจจะเป็นผู้ใช้บริการโพยก๊วนเอง หรือบุคคลอื่นๆที่ผู้ใช้โพยก๊วนระบุไว้ก็ได้ โดยผู้ที่มีสิทธิจะได้รับเงินจะต้องเป็นบุคคลที่มี ‘หลักฐานการรับเงิน’ ที่เรียกกันว่า ‘โพย เท่านั้น) ซึ่งจะมีร้านทองในเยาวราช ซึ่งจะมีอยู่ 4-5 ร้านที่รับทำโพยก๊วน และบริษัททัวร์ อักษรย่อ ร.

3. นำเงินใส่ในบัญชีลับและนำมาปั่นหุ้นในตลาดหุ้น

วิธีนี้อาชญากรจะมีเครือข่ายพวกพ้องที่เป็นกลุ่มทุนใหญ่ การฟอกเงินผ่านตลาดหุ้นนั้นง่ายมาก โดยซื้อหุ้นในเมืองไทย ในชื่อใครก็แล้วแต่ แล้วก็โอนไปรวมอยู่ 1 พอร์ต ส่วนใหญ่เขาจะซื้อหุ้นของบริษัทตัวเอง หรือหุ้นที่มีอยู่ในมือเขาเอง โดยเลือกหุ้นตัวใหญ่ที่ราคาเคลื่อนไหวไม่มาก ซื้อเสร็จก็เอาไปรวมอยู่ในพอร์ตเดียวกัน เช่น 10 ล้านหุ้น เป็นเงินรวม 2 พันล้านบาท ซื้อ ปตท. หุ้นละ 300 บาท ซื้อ 1 ล้านหุ้นก็ 300 ล้านบาท จากนั้นก็ไปเปิดบัญชีไว้ที่เมืองนอก แล้วเซ็นโอนหุ้นไปอีกพอร์ตหนึ่ง คือแค่เซ็นแกร๊กเดียวหุ้นของเขาก็ไปอยู่ที่เมืองนอกแล้ว แล้วก็ให้พวกเดียวกันมาซื้อหุ้นของตัวเองในต่างประเทศ เพื่อที่จะได้มีหลักฐานการรับเงินที่โน่น เงินนี่ก็ฟอกผ่านตลาดหุ้นเรียบร้อยแล้ว เป็นการฟอกเงินโดยมีกฎหมายรองรับ

4. นำเงินสกปรกไปลงทุนในธุรกิจหรือกิจการค้าที่ชอบด้วยกฎหมาย

อาชญากรจะนำเงินที่ได้มาโดยมิชอบ ไปลงทุนในกิจการต่างๆ เพื่อแปลงสภาพให้ได้ผลกำไร หรือวิธีการเงินต่อเงิน นั่นเอง เพียงแต่เป็นการเอาเงินชั่วไปต่อให้ได้มาซึ่งเงินสะอาด อาจจะลงทุนภายใต้ชื่อของตนเอง หรือเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่ไม่แสดงตัวต่อสาธารณะ หรือกระจายเงินให้ลูกน้องไปลงทุนในธุรกิจของตนเอง

5. รับจำนอง-ขายฝากที่ดิน ทรัพย์สิน


เนื่องจากมีเงินสดจำนวนมากในมือ จึงใช้วิธีให้ปล่อยรับจำนองทรัพย์สินต่างๆ เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ และหากมีการหลุดจำนอง ก็นำทรัพย์สินไปขายกลับมาเป็นเงินสะอาด และยังทำกำไรได้อีกต่อหนึ่งด้วย

6. จ่ายเป็นส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเปิดช่องทางทำผิดกฏหมายต่อไปเรื่อยๆ

อาชญากรจะใช้เงินเพื่อกรุยทางสร้างผลประโยชน์ต่อเนื่องให้ตนเอง ตามแต่ช่องทางจะเอื้อให้มีการสมรู้ร่วมคิดในการทำผิด เช่นหากเป็นบ่อนการพนันก็มีการจ่ายส่วยให้กับตำรวจในท้องที่ หากเป็นการขนยาเสพติด ก็จะเป็นการจ่ายให้กับผู้ดูแลเส้นทางลำเลียง หรือด่านตรวจต่าง
7. นำไปซื้อเสียงทางการเมือง
หากอาชญากรเป็นนักการเมือง หรือมีเครือข่ายทางการเมือง ก็จะนำเงินส่วนนี้ไปสนับสนุนกลุ่มการเมือง ในการซื้อเสียง วิธีนี้จะทำให้ได้มาซึ่งอำนาจที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องในอนาคต ซึ่งถือเป็นการฟอกเงินทางอ้อมอีกวิธีหนึ่ง

8. นำไปเล่นการพนัน

ถ้าเป็นโจรตัวเล็กที่อยากฟอกเงินไม่กี่สิบล้านบาทจะนิยมไปเล่นบ่อนตามชายแดน จะเดินทางไปเล่นหลายๆ ครั้ง ฟอกเงินครั้งละไม่กี่ล้านบาท
ส่วนใหญ่พวกนี้จะชอบเล่นไพ่อยู่แล้ว เล่นเสียก็ไม่เป็นไรเพราะเงินหาง่าย แต่ถ้ามือขึ้นเล่นได้เยอะก็รีบแลกชิพกลับเป็นเงินที่ถูกต้องเพราะได้มาจากชนะพนัน
แต่ถ้าเป็นขาใหญ่วิธีเล่นจะแนบเนียนมากกว่าเช่น ไปเปิดบริษัททำการค้าที่เมืองนอก ทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ อเมริกา จากนั้นก็โอนเงินไปทำธุรกิจ เช่น ซื้อสินค้าเข้าเมืองไทยต้นทุนชิ้นละ
1,000 บาท อ้างในเอกสารว่าต้นทุน หมื่นบาท เอาเงินที่เหลือจ่ายอีก 9,000 บาทไปเก็บไว้ในธนาคารต่างประเทศ พอถึงเวลาที่เหมาะสมก็โอนเงินไปบ่อนกาสิโนขอเล่นพนัน
พอเล่นได้ก็แลกชิพโอนเงินกลับมาเมืองไทยถือเป็นเงินสะอาดทันที

9. นำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ และโอนกรรมสิทธิ์ให้บุคคลใกล้ชิด
วิธีนี้เป็นการฟอกเงิน โดยเปลี่ยนเงินผิดกฏหมายให้เป็นทรัพย์สินที่ถูกต้อง และอำพรางปกปิดเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตโดยการกระจายกรรมสิทธ์ิในการถือครองไปยังญาติสนิท คนใกล้ชิด

10. นำไปก้อนใหญ่ไปกระจายเปิดบัญชี ในชื่อคนอื่น

เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกต อาชญากรจะนำเงินก้อนใหญ่ แบ่งกระจายให้ญาติสนิท หรือภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือคนใช้ ลูกน้องที่อยู่ในอาณัติ เปิดบัญชีเงินฝากหลายๆบัญชี เพื่อกระจายเงินให้เป็นก้อนเล็กลง ไม่ให้เป็นที่สังเกตจากบรรดาธนาคารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงค่อยรอเวลานำเงินมาใช้ตามโอกาสที่ต้องการต่อไป




พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
                        
   องค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงิน
            มาตรา 5  ผู้ใด
(1)  โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ
(2)  กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
มาตรา9  ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ถ้าได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันตามวรรคหนึ่ง ผู้สมคบกันนั้นต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ในกรณีที่ความผิดได้กระทำถึงขั้นลงมือกระทำความผิด แต่เนื่องจากการเข้าขัดขวางของผู้สมคบทำให้การกระทำนั้นกระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้สมคบที่กระทำการขัดขวางนั้น คงรับโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งเท่านั้น
ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกลับใจให้ความจริงแห่งการสมคบต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะมีการกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน ศาลจะไม่ลงโทษผู้นั้นหรือลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้
                        บทลงโทษความผิดฐานฟอกเงิน
            มาตรา 60  ผู้ใดกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

           

  หวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับการฟอกเงินที่นำมาฝากคงจะเป็นความรู้ให้กับทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ ไว้โอกาสหน้าถ้ามีเวลาและอารมณ์  + ความนิยมของทุกท่าน จะพยายามหาสาระดีๆมาเพิ่มเติมความรู้ให้อีกนะครับ





1 ความคิดเห็น: